Landmarks หลักๆของ Luzern มีอยู่ตามที่วงไว้ อีกอันกำแพงเมืองเก่ามันยาวเลยไม่ได้วงไว้... เดินตามเส้นสีแดงในรูปเลยจะได้ไม่เดินวนไปวนมเปลืองแรงยิ่งวัยเอาะๆกันอยู่ด้วย .... เราจะเดินตามเข็มนาฬิกานะ .... :)
จำซุ้มประตูได้อะเปล่า ด้านหลังก็คือหัวลำโพงของ Luzern ดูแผนที่ประกอบไปด้วยละกัน ตึกสวยๆสองฝั่งแม่น้ำ
ฝั่งซ้าย
สะพาน
ฝั่งขวา
สะพานไม้ Kapellbrucke
Kapellbrucke
จากสะพานเดินเรียบแม่น้ำฝั่งซ้ายมาเรื่อยๆก็จะเจอ สะพานไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่งโลก สะพานมีอายุกว่า 600 ปี แล้วดังแบบช็อคไปทั่วโลกในคืนที่ 17-August-1993 สะพานถูกไฟใหม้จากการทิ้งบุหรี่ไว้บนสะพานไม้ จำได้ดูข่าวต่างประเทศตอนนั้น Swissเศร้ากันไปทั้งประเทศ ภาพเขียนล้ำค่า 81 จาก 111 ไหม้ไปกับไฟพร้อมสะพานบางช่วง ภาพเขียนมีการวาดขึ้นมาใหม่ ถึงปี 2002 ทาง City Council ของ Luzern จึงยอมให้เอาไปติดบนสะพานได้
ตอนไปเห็นได้ชัดสะพานไม้ส่วนที่ทำใหม่ แต่ยังไงสะพานพร้อมภูมิทัศน์ก็สวยงามมากๆ ความรู้สึกส่วนตัว ภาพที่ถ่ายออกมาสวย แต่ถ้าเห็นของจริงมันสวยกว่ามากๆ ภาพบรรยายได้ไม่หมดจริงๆครับ .. :)
ใครมาแล้วไม่ได้ข้ามสะพานไม้ถือว่ามาไม่ถึง Luzern นะ
ไปข้ามสะพานกันเลย ตรงนี้น่าจะทำใหม่เพราะไม้ใหม่มากๆ ... :)
Shot แรกที่จะเจอคือรูปภาพที่แขวนไว้ใต้หลังคาเรียงกันไป ...
รูปที่สอง
ด้านหลังรูปที่ 1 จะแขวนอีกรูปไว้ จำไม่ได้ว่าเป็นรูป 110 หรือ 111.... ถ้าเราเดินไปจะเห็นรูป 1, 2, 3,.... ส่วนคนเดินจากสะพานอีกด้านจะเห็นรูป 109, 110,111 .... สรุปคงอยากให้คนเดินย้อนกลับมาดู .... :)
บรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำ
สะพานไม้อันที่ 2 .... เล็กกว่าและสวยสู้อันแรกไม่ได้ ....
ไปปีนกำแพงเมืองเก่า Museggmauer
กำแพงนี้สร้างในปี 1386 ยาวประมาณ 850 m
เจ้านายผมไม่ยอมปีน... .เมื่อยขาขอพักรอข้างล่างดีกว่า... ดูจากแผนที่ก็เดินมาเกือบครึ่งเมืองแล้ว..... :)
Luzern ถ่ายจากกำแพงเมืองเก่า ..... ฝนจะตกเมฆเพียบ ไม่ง้ันได้ท้องฟ้าสีฟ้าตัดกับหลังคาสีส้ม คงสวยกว่านี้มาก
กำแพงส่วนนี้อยู่ฝั่งขวาของเมือง เดินทะลุไปจะถึง Lowendenkmal
Lowendenkmal
Lowendenkmal หรือ อนุสรณ์สถานสิงโต อย่างที่บอกอนุสรณ์สถาน ไม่ใช่อนุเสาวรีย์
ตอนนี้ประเทศในสหภาพยุโรป หรือ EU เศรษฐกิจทรุดเป็นแถว แต่Swissยังรวยและแข็งแกร่งอยู่ Swiss ใช้ Visa Schengen ร่วมกับ EU แต่ไม่ได้เป็นมาชิก EU งานนี้หน้าแตกมาแล้วตอนขาออกที่ Custom .... Swiss ในอดีตยากจนเนื่องจากภูมิประเทศเป็นเทือกเขา คน Swiss จึงแข็งแกร่งและอดทน สินค้าส่งออกตอนนั้นก็คือการเป็นทหารรับจ้างคุ้มกัน หรือ กองทหารรักษาพระองค์ของพระเจ้าหลุย์ที่ 16 ของฝรั่งเศส .... ฝรั่งเศสเกิดการปฏิวัิตโดยประชาชนล้มระบอบกษัตริย์ในปี 1792 พระเจ้าหลุยส์16พร้อมพระนางมารีอังตัวเน็ตโดนจับประหา รด้วยเครืองกิโยติน กล่าวกันว่า "พระเจ้าหลุยส์ที่14มหาราชสร้างฝรั่งเศสให้ยิ่งใหญ่แผ่อำนาจไปทั่วทั่งยุโรป) --> หลุยส์ ที่15เสวยสุข ---> หลุยส์ที่16ชดใช้ชีวิตเลย ในยุคนั้นหลุยส์ที่16ใช้ชีวิตอย่างฟุ้มเฟือยแต่ประชาชนยากแค้นไปทั่วก็เลยลุกขึ้นปฏิวัติ ... นอกเรื่องไปเยอะ .... ทหารรักษาพระองค์ชาวSwissของหลุยส์ที่16เสียชีวิตมากมายช่วงปฏิวัติรอดมาแค่1,000คน หนึ่งในนั้นที่รอดมา Karl Pyffer เพราะลากลับไปเยี่ยมบ้านในช่วงนั้น .... ด้วยความผูกพันธ์ถึงเพื่อนทหารด้วยกันเขาเลยจ้างช่างมาสลักรูปสิงห์โตใว้ในที่ดินของตัวเอง เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้เพื่อนทหารที่เสียชีวิต ..... :(
สิงห์โตหรือทหารที่โดนหอกปักบาดเจ็บนอนรอวาระสุดท้าย
หน้าเศร้ามาก ... คนออกแบบ และ คนแกะสลักเก่งมากถ่ายทอดอารมณ์ได้แบบไม่ต้องบรรยาย .... :(
Closed Up
ช่วงแรกมีเงินจำกัดทำได้แค่จ้างให้ศิลปินDenmarkออกแบบและปั้นต้นแบบ ต่อมาจึงจ้างศิลปินมาแกะสลักปรากฏตกลงมาเสียชีวิต ต้องหาคนที่สองมาทำต่อจนเสร็จ
เดินมาถึงหน้าโบสถ์ Hof Kirche แต่หิวเเลยเดินไปหาร้านอาหารไทยกินกันก่อน เดินไปไกลพอสมควรแต่ปรากฎว่าร้านปิด เลยโดดขึ้นรถเมล์วิ่งออกมาแล้วไปลงที่แถวสะพานไม้เลย กินเสร็จก็ไม่อยากเดินกลับไปอีกเพราะเมื่อยขา ... เดินกันเกือบรอบเมือง ... เจ้านายผมอึดเหมือนกันนะเนี้ย ... รู้แล้วว่าทำไมโดนยื่น Notice ใบแดง .... :)
เขตเมืองเก่า Luzern
ฝาท่อSwiss แข่งกับ ฝาท่อJapan ได้อะเปล่า
มอมแมมเลย ..... :)
เดินมาถึงหน้าโบสถ์ Hof Kirche แต่หิวเเลยเดินไปหาร้านอาหารไทยกินกันก่อน เดินไปไกลพอสมควรแต่ปรากฎว่าร้านปิด เลยโดดขึ้นรถเมล์วิ่งออกมาแล้วไปลงที่แถวสะพานไม้เลย กินเสร็จก็ไม่อยากเดินกลับไปอีกเพราะเมื่อยขา ... เดินกันเกือบรอบเมือง ... เจ้านายผมอึดเหมือนกันนะเนี้ย ... รู้แล้วว่าทำไมโดนยื่น Notice ใบแดง .... :)
เขตเมืองเก่า Luzern
เป็นเอกลักษ์ของ Swiss ที่ทุกเมืองจะมีบ่อน้ำมีก๊อกน้ำไหลตลอดเวลา เห็นฝรั่งเขามารองใส่ขวดไปดื่ม ออกแบบได้สวยงามไม่ซํ้ากันเลยในแต่ละที่ .... :)
สัญญาลักษณ์อีกอย่างของ Swiss ก็คือการ Paint ตึก ซึ่งจะพบได้ทั่วไปในเมืองต่างๆของ Swiss
No comments:
Post a Comment